| ชื่อเรื่อง | Blood Red Sky |
| เรตติ้ง | 6.1 |
| นักแสดง | Peri Baumeister,Dominic Purcell,Alexander Scheer |
| จำนวนตอน | 2.10 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง Blood Red Sky Netflix
รีวิวหนัง Blood Red Sky Netflix ภาพยนตร์ยำหนังแวมไพร์กับซอมบี้ที่เล่นกับความกลัวที่แคบ ถ้าพูดถึงตัวร้ายในภาพยนตร์สยองขวัญยอดนิยมตลอดกาลหลายคนก็มักจะนึกถึงอยู่แค่ 2 อย่างเท่านั้นนั่นก็คือซอมบี้และแวมไพร์ ด้วยความที่ตัวร้ายทั้ง 2 ตัวนี้เป็นตัวร้ายที่จะเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่จะเป็นสัตว์ประหลาดก็ไม่เชิง ด้วยความที่มันยังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่ทำให้มันมีความน่ากลัวมากกว่าศัตรูตัวอื่นในภาพยนตร์สยองขวัญ แม้ว่าเราจะเห็นภาพยนตร์แนวซอมบี้มากกว่าและมักจะเห็นภาพยนตร์แวมไพร์ในลักษณะของภาพยนตร์โรแมนติก แต่เชื่อได้เลยว่าหากมีการเล่าเรื่องราวของแวมไพร์ในลักษณะของภาพยนตร์สยองขวัญแล้ว มันจะสร้างความกลัวให้กับคุณได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งความน่ากลัวที่ไม่ได้มาในรูปแบบของความสยองขวัญแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้นั่นก็คือสัญชาตญาณในตัวเรา มนุษย์จะรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ในสถานที่ที่กว้างมากจนเกินไปและอยู่ในสถานที่ที่แคบจนเกินไป ความกลัวที่แคบนั้นถึงขั้นมีการระบุเป็นโรคกลัวที่แคบกันเลยทีเดียว เวลาที่คนกลัวที่แคบต้องไปอยู่ในที่แคบอย่างเครื่องบินหรือลิฟท์จะรู้สึกใจเต้นแรง เหงื่อออก กดดัน ตึงเครียด และรู้สึกไม่ปลอดภัย
ลองคิดดูว่าจะเป็นอย่างไรหากความน่ากลัวทั้ง 3 อย่างนี้มาผสมผสานเข้าด้วยกัน แน่นอนว่ามันจะสามารถสร้างความสยองขวัญให้กับคุณได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่กลัวที่แคบ แต่ถ้าคุณไม่อยากจะสัมผัสกับมันด้วยตัวเองเราขอแนะนำให้ชมภาพยนตร์บน netflix เรื่อง Blood Red Sky ภาพยนตร์ที่จะพาคุณไปพบกับความสยองขวัญแบบไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เมื่อต้องเจอแวมไพร์ซอมบี้ที่รวมร่างกันมาบนเครื่องบินที่บินอยู่เหนือพื้นดินเป็นความสูงถึง 3 หมื่นฟุต จะเป็นอย่างไรเมื่อผู้คนต้องเผชิญกับความสยองขวัญในสถานที่ที่ไม่อาจหลบหนีได้ต้องไปหาคำตอบกันในภาพยนตร์
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Blood Red Sky
Blood Red Sky จะเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวที่มีชื่อว่านาเดีย เธอนั้นได้เดินทางจากประเทศเยอรมันน่าไปยังนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเพื่อทำการรักษาอาการป่วยตลาดที่เธอเป็นหลังจากที่ถูกแวมไพร์กัดและแพร่เชื้อทำให้เธอนั้นรู้สึกหิวเลือดตลอดเวลา การบินข้ามประเทศในครั้งนี้เธอไม่ได้ไปเพียงคนเดียวแต่อย่างใด แต่เธอยังพาลูกชายอย่างเอเลียสไปด้วย แทนที่การบินในครั้งนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่นแต่สุดท้ายแล้วมันก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาเมื่อชายที่มีชื่อว่าเบิร์กซึ่งเป็นสลัดอากาศได้ทำการยึดเครื่องบินลำนี้และจับผู้โดยสารทั้งหมดเอาไว้เป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่จากรัฐบาล
ผู้โดยสารนับร้อยคนต้องตกอยู่ในความอันตรายที่ไม่มีใครสามารถหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงได้ ลูกชายของเธอเองก็ตกอยู่ในความกวาดกลัวเช่นเดียวกัน นาเดียเห็นช่องทางเดียวที่จะทำให้ทั้งเธอและผู้โดยสารที่เหลือปลอดภัยจากการปล้นเครื่องบินในครั้งนี้ทำให้เธอตัดสินใจที่จะปลูกอสูรกายที่หลับไหลอยู่ภายใต้ร่างกายของเธอให้ตื่นขึ้นมา แต่การที่เธอปลุกบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในร่างกายของตนเองที่เธอยังไม่รู้จักดีพอขึ้นมาจะทำให้เธอสามารถช่วยเหลือลูกเรือและผู้โดยสารบนเครื่องบินทุกคนได้สำเร็จหรือไม่ เราต้องไปรับชมกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Blood Red Sky
Blood Red Sky เป็นภาพยนตร์ที่แม้ว่าเรื่องย่อของมันจะดูไม่เหมือนกับภาพยนตร์สยองขวัญ แต่รับรองเลยว่ามันเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่จะทำให้คุณได้เห็นฉากที่ไม่น่ารับชมตลอดการเล่าเรื่องอย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นด้วยความที่ภาพยนตร์นำเอาซอมบี้มาผสมกับแวมไพร์ ประกอบกับความกลัวที่แคบและโจรสลัดอากาศที่ทำการยึดเครื่องบินโดยสาร ยิ่งทำให้ความกลัวของตัวละครมีหลายมิติมากขึ้นไปอีก ซึ่งนักแสดงก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
เชื่อว่าหลายคนอาจจะเป็นกังวลกับตัวละครเด็กในเรื่องอย่างลูกของนางเอก เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วภาพยนตร์แนวนี้หากมีตัวละครเด็กเข้ามาก็จะกลายเป็นภาระหรือตัวถ่วงเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ตัวละครเด็กในภาพยนตร์เรื่องนี้กลับเป็นตัวละครหลักที่สามารถคิดแก้ปัญหาได้ดีกว่าผู้ใหญ่ในบางครั้งเสียอีก แถมนักแสดงเด็กก็ยังสามารถแสดงได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
แม้ว่ามันจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างสลัดอากาศและแวมไพร์ซอมบี้ที่ทำให้หลายคนเดาฉากจบได้ว่าใครจะเป็นคนชนะ ทำให้ความสนุกของมันอยู่ตรงที่การต่อสู้ระหว่างคนธรรมดาและผู้ติดเชื้อที่ดูแล้วคนธรรมดาเสียเปรียบอย่างแน่นอน แต่การต่อสู้ของพวกเขานั้นกลับออกมายอดเยี่ยมกว่าที่คิด เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความดิบเถื่อนเลือดสาดทุกครั้งที่มีการต่อสู้กันเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้นภาพยนตร์ยังสามารถถ่ายทอดความกลัวขณะที่ผู้คนต้องพบเจอกับอันตรายเมื่ออยู่ในสถานที่แคบอย่างเครื่องบินออกมาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ในขณะเดียวกันภาพยนตร์ก็เขายังคงมีจุดด้อยไม่ว่าจะเป็นบางส่วนที่เราสามารถเดาได้ตั้งแต่ต้น บางฉากที่การแต่งหน้าแต่งตัวยังไม่ดีพอจนทำให้เรารู้สึกไปด้วยได้ ปริศนาคลุมเครือที่ยากจะเข้าใจหรือตีความ แถมยังจบแบบเฉลยทุกอย่างทั้งหมดไม่มีการทิ้งเอาไว้เพื่อทำภาคต่อ สำหรับใครที่ไม่ชอบความคลุมเครือและอยากจะสัมผัสกับความกลัวในรูปแบบหลากหลายมิติเราขอแนะนำเลย
ตัวอย่างหนัง Blood Red Sky
รีวิว หนัง Blood Red Sky จาก beartai
ดูเหมือนเดือนกรกฎาคมจะเป็นงานปล่อยของหนังสยองขวัญสำหรับเน็ตฟลิกซ์ไปเสียแล้วหลังพาหนังไตรภาคอย่าง ‘Fear Street’ หรือโปรแกรมยักษ์สำหรับแฟนหนังซอมบี้กิมจิอย่าง ‘Kingdom : Ashin of the North’ ที่ลงสตรีมมิงล่าสุดในวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ในขณะที่สปอตไลต์กำลังส่องไปยังโปรแกรมหนังซอมบี้สปินออฟอย่าง ‘Kingdom’ ในวันเดียวกันยังมีโปรแกรมหนังแวมไพร์แอ็กชันจากเยอรมันที่น่าสนใจไม่น้อยอย่าง ‘Blood Red Sky’ เรื่องนี้ที่เราขอเอามาแนะนำแฟนหนังสยองขวัญกันหนัก ๆ เลยทีเดียว
โดยเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ นาเดีย (แพรี บอไมสเตอ-Peri Baumeister) กำลังเดินทางจากเยอรมันไปนิวยอร์กเพื่อรักษาอาการกระหายเลือดหลังเธอถูกกัดและแพร่เชื้อแวมไพร์ กระนั้นเที่ยวบินของเธอก็กลายเป็นความโกลาหลเมื่อกลุ่มสลัดอากาศนำโดย เบิร์ก (โดมินิก เพอร์เซลล์-Dominic Purcell) ยึดเครื่องบินและจับผู้โดยสารเป็นตัวประกันหวังเรียกค่าไถ่จากทางการ นาเดียจำต้องปลุกอสูรที่หลับไหลในตัวเองเพื่อช่วยเหลือ เอเลียส (คาร์ล แอนทัน คอช – Carl Anton Koch) ลูกชายของเธอและผู้โดยสารคนอื่นให้ได้
สิ่งที่พอจะสังเกตได้ทันทีคือปีเตอร์ ธอร์วอร์ธ (Peter Thorwarth) ผู้กำกับและร่วมเขียนบทน่าจะได้แรงบันดาลใจจากหนังผู้ก่อการร้ายยึดเครื่องบินปี 2005 ทั้ง ‘Flightplan’ และ ‘Red Eye’ ตรงที่หนังใช้ตัวเอกเป็นผู้หญิงและยังกำหนดโทนภาพตามสไตล์หนังสยองขวัญของผู้กำกับยุโรปคือมีความอมเขียวอมฟ้า (Teal Look) ดูลึกลับแอบซ่อนความเป็นอสุรกายเอาไว้แต่นอกนั้นคือการปรุงรสให้จัดจ้านและเอนเทอร์เทนคนดูชนิดเทกระจาดพริกแล้วราดน้ำปลาเลยทีเดียว
ตั้งแต่การเสิร์ฟฉากสยองขวัญโหด ๆ เลือดกระเซ็น ฉากปล้นเครื่องบินสุดระทึก ดรามาแม่ลูกชวนบีบหัวใจไปจนถึงความโหดแบบหนังฆาตกรโรคจิต รวมถึงแอ็กติงที่มีความหลากหลายมากตั้งแต่เล่นน้อยจนเกือบเป็นสากกะเบือของ โดมินิก เพอร์เซล ดรามาเข้มข้นลึกล้ำของแพรี บอไมสเตอ ไปจนถึงเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียร์เตอร์ของ อเลกซานเดอร์ ซเคียร์ (Alexander Scheer) ที่รับบทตัวร้ายโคตรโรคจิตที่ทำให้ผลลัพธ์ของหนังออกมาบันเทิงเกินคาดเลยทีเดียว
beartai