ชื่อเรื่อง | Beckett |
เรตติ้ง | 6.5 |
นักแสดง | John David Washington,Alicia Vikander,Yorgos Pirpassopoulos |
จำนวนตอน | 1.50 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง Beckett Netflix
รีวิวหนัง Beckett Netflix ภาพยนตร์ที่จะเปลี่ยนให้ทริปเที่ยวในฝันกลายเป็นฝันร้าย เชื่อว่าทุกคนนั้นย่อมมีทริปเที่ยวในฝันอย่างแน่นอน เป็นการท่องเที่ยวที่เราอยากจะไปสถานที่ใดสถานที่หนึ่งกับคนใดคนหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง เพียงแค่นึกถึงมันก็สามารถสร้างความสุขให้กับเราในช่วงเวลาที่ไม่สามารถเดินทางออกไปไหนอย่างในช่วงนี้ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ได้ไปเที่ยวทริปในฝัน บางคนได้ไปเที่ยวก็จริงแต่กลับต้องเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันพี่เปลี่ยนให้ทริปในฝันกลายเป็นฝันร้ายแทน อย่างเช่นชายในภาพยนตร์เรื่อง Beckett ภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รับชมกันในวันนี้
การท่องเที่ยวนั้นก็เปรียบกับการเปิดประสบการณ์ให้เราได้พบเจออะไรใหม่ๆ มากมาย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวต่างประเทศที่เราจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของคนในประเทศอื่น หลายคนวาดฝันว่าการท่องเที่ยวนั้นจะต้องเต็มไปด้วยความสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ แต่คนที่ท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำทราบกันดีว่าการท่องเที่ยวนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่บางครั้งมันก็เต็มไปด้วยอุปสรรคที่ทำให้เราต้องยากลำบากหรือบางครั้งก็ต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะถ่ายทอดการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสุขในช่วงแรกก่อนที่ช่วงหลังพวกเขาจะต้องหนีตายจากอันตรายมากมายที่ถาโถมเข้ามา สำหรับใครที่ชอบภาพยนตร์แนวไล่ล่าวิ่งไล่จับเอาตัวรอด น่าจะชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Beckett
Beckett เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มชาวอเมริกันผิวสีที่มีชื่อว่าเบ็คเก็ต เขาและแฟนสาวที่มีชื่อว่าเอเพริลได้เดินทางมายังประเทศกรีซเพื่อท่องเที่ยวโดยที่พวกเขาไม่ได้มีการวางแผนมาก่อนล่วงหน้าเนื่องจากต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยวดูว่าหากไม่วางแผนแล้วจะเป็นอย่างไร ทั้งสองคนรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากที่จะได้มาเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน และการไม่วางแผนก็ทำให้พวกเขานั้นได้พบเจอกับสิ่งสวยงามมากมายจนทำให้พวกเขามีความสุขเป็นอย่างมาก
แต่ความสุขก็อยู่กับพวกเขาได้ไม่นานเพราะพวกเขาได้รับคำเตือนจากทางโรงแรมที่พักอยู่ว่าในอีกไม่นานจะเกิดการประท้วงขึ้นบริเวณด้านหน้าโรงแรม ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้ตัดสินใจเดินทางออกจากเมืองหลวงอย่างกรุงเอเธนส์ขึ้นไปทางเหนือเพื่อหาที่ปลอดภัย พวกเขาเดินทางด้วยการขับรถไปตามถนนที่สลับซับซ้อนด้วยภูมิประเทศที่เป็นภูเขา แฟนสาวของเขานั้นถอยหลับไปทิ้งให้ตัวขาวต้องขับรถอยู่เพียงแค่คนเดียว ประกอบกับความอ่อนล้าของเขาและไม่มีคนชวนคุยทำให้สุดท้ายเขาก็หลับใน รถที่พวกเขาอยู่จึงไถลลงถนนไปชนเข้ากับบ้านร้างแห่งหนึ่ง
ชายหนุ่มหมดสติไปและไม่ทราบว่าแฟนสาวของเขามีชะตากรรมอย่างไร หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาเขาก็พบว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในบ้านและเมื่อสังเกตดูให้ดีบางสิ่งบางอย่างนั้นเหมือนกับผู้หญิงและเด็กอย่างน่าประหลาดใจ หลังจากนั้นเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกเนื่องจากหมดสติไปอีกครั้งก่อนจะฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล และเขาก็ได้รับข่าวร้ายทันทีที่ฟื้นว่าแฟนสาวของเขานั้นได้เสียชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้เดินทางกลับไปยังบ้านร้างหลังนั้นด้วยความสงสัยแต่แล้วเขาก็ต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดเมื่อเหล่าตำรวจที่ทำคดีของเขานั้นพยายามตามไล่ล่าเขาอย่างหนักหน่วง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาต้องพยายามหลบหนีและซ่อนตัวหลายต่อหลายครั้งก่อนที่จะถูกสังหารอย่างชอบธรรมโดยตำรวจ เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากทางสถานทูตอเมริกาในกรุงเอเธนส์ให้ได้ การหนีตายของเขาในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Beckett
Beckett เป็นภาพยนตร์แนวไล่ล่าที่รับชมไปสักพักนึงเราจะเริ่มรู้สึกถึงความไม่สมจริง แต่อย่างไรก็ตามความไม่สมจริงของมันนี่เองที่ทำให้เรารู้สึกสงสัยและอยากจะติดตามเรื่องราวไปเรื่อยๆ ว่ามันจะไปจบที่ตรงไหนกันแน่ ตั้งแต่เริ่มต้นที่ภาพยนตร์นำเสนอออกมาเหมือนภาพยนตร์โรแมนติกไม่มีผิดเพี้ยน เราจะสามารถสัมผัสได้เลยว่าความรักของพวกเขานั้นมันมากล้นจนดูไม่สมจริงเอาเสียเลย พอหลังจากนั้นได้ไม่นานภาพยนตร์ก็ตัดอารมณ์เข้าโหมดระทึกขวัญแทนจนเราแทบจะปรับตัวไม่ทัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะเป็นภาพยนตร์ที่อธิบายคำว่าฝันร้ายได้ดีที่สุด เพราะเวลาที่เราฝันร้ายแล้วพยายามจะหนีจากเหตุการณ์เหล่านั้นเรามักจะหนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้นไม่ก็หนีเสือปะจระเข้ เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ตัวละครหลักไม่ว่าจะหนีแค่ไหนก็ตามสุดท้ายแล้วการหนีของเขาก็จะพาเขาไปพบเจอหายนะอีกรูปแบบหนึ่งอยู่ดี เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่ซวยที่สุดอีกหนึ่งตัวในวงการภาพยนตร์เลยก็ว่าได้
การหนีของภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถอธิบายถึงภาพยนตร์แนววิ่งไล่จับได้เป็นอย่างดี เพราะเราจะต้องทั้งเดินหนี วิ่งหนี ขับรถหนี ขึ้นรถหนี เหลือเพียงแค่เครื่องบินกับเรือเท่านั้นที่ตัวละครเอกในเรื่องนี้ไม่ได้ใช้เป็นยานพาหนะในการหนีนอกนั้นแทบจะใช้ทั้งหมดแล้ว แถมยังเป็นคนอเมริกาที่มาอยู่ในประเทศที่ไม่พูดภาษาอังกฤษ ไม่มีโทรศัพท์อยู่กับตัว ไม่มีเงิน ไม่เข้าใจภาษา หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในภาพยนตร์คงจะเอาชีวิตรอดไม่ได้อย่างแน่นอน
ตัวอย่างหนัง Beckett
รีวิว หนัง Beckett บางส่วนจาก beartai
หลังโรงหนังกลับมาเปิดเมื่อปีที่แล้ว หนังฟอร์มยักษ์ของเด็จพ่อโนแลนอย่าง ‘TENET’ ได้เข้าฉายและทั้งโลกก็เริ่มได้รู้จักกับว่าที่ซูเปอร์สตาร์คนใหม่แต่นามสกุลคุ้นหูอย่าง จอห์น เดวิด วอชิงตัน (John David Washington) แต่นอกเหนือจากการที่เขาคือลูกชายของเดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington) แล้วฝีมือการแสดงที่บ่มเพาะและเสน่ห์เฉพาะตัวก็ทำให้ทุกวันนี้วอชิงตันคนลูกเริ่มเป็นนักแสดงที่ผู้กำกับหลายคนอยากร่วมงานด้วยและในวันนี้เขาก็มีผลงานหนังทริลเลอร์เรื่องใหม่ทางเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) อย่าง ‘Beckett’ มาพิสูจน์ฝีมือของเขาอีกครั้ง
เบ็คเก็ต (จอห์น เดวิด วอชิงตัน) นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่หวังพาเอพริล (อลิเซีย วิกันเดอร์ – Alicia Vikander) แฟนสาวของเขาไปเที่ยวกรีซเพื่อดื่มด่ำความสวยงามและดูดดื่มในความรักของพวกเขาทั้งคู่ แต่การตัดสินใจเดินทางออกจากโรงแรมเพียงเพราะกำลังจะมีการชุมนุมในวันรุ่งขึ้นกลับพลิกชะตาชีวิตทั้งคู่ไปตลอดกาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำกลางทาง
ซึ่งนอกจากเอพริลจะหายตัวไปอย่่างไร้ร่องรอยเบ็คเก็ตยังถูกตามล่าจากกลุ่มคนลึกลับที่มีตำรวจรู้เห็นด้วย ทางเดียวที่เบ็คเก็ตจะเอาตัวรอดได้คือการเดินทางไปยังสถานฑูตอเมริกันให้ได้เร็วที่สุด และไขปริศนาทั้งการหายตัวไปของแฟนสาวและเหตุการณ์ลักพาตัวลูกชายนักการเมืองชื่อดังของประเทศ
ดูจากพลอตแล้ว ‘Beckett’ แทบจะมีส่วนผสมของหนังทริลเลอร์ที่น่าจะพามันไปสู่การเป็น ‘Jason Bourne’ ผสมกับหนังไล่ล่าเข้ม ๆ แนวผิดฝาผิดตัวอย่าง ‘The Fugitive’ อะไรเทือก ๆ นั้นได้เลย แต่ความน่าสนใจสำคัญที่ทำให้ตัวละครเบ็คเก็ตน่าสนใจคือการวางตัวให้เป็นคนธรรมดานี่แหละครับ ยิ่งเป็นคนที่อยู่ต่างเมืองต่างถิ่นก็ยิ่งทำให้ชะตากรรมการถูกตามล่าดูน่ากลัวมากขึ้น แต่น่าเสียดายตรงที่พอตัวหนังจริงเสร็จออกมาเรากลับเห็นช่องโหว่และความไม่สมเหตุสมผลอะไรเต็มไปหมด.
ประการแรกเลยคือการเริ่มเรื่องที่หนังเหมือนจะเน้นเหลือเกินให้เราดื่มด่ำกับความรักระหว่างเบ็คเก็ตกับเอพริลถึงขั้นอุทิศเวลา 10 กว่านาทีแรกของหนังอยู่ที่โรงแรมให้เราเห็นพวกเขาพลอดรักกันจนคนดูเอียนไปเลย และพอเกิดอุบัติเหตุในนาทีที่ 14 แบบไม่ทำให้เรารู้สึกถึงความตื่นเต้นหรืออะไรทั้งสิ้น มิหนำซ้ำยังอุตส่าห์ปูปมใหม่เข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วค่อยไปแถเอาในองก์ 2 ของหนังว่าตอนเกิดอุบัติเหตุเบ็คเก็ตได้เจอลูกชายนักการเมืองที่ถูกลักพาตัว
พอหนังเริ่มเข้าช่วงไล่ล่าที่แทบจะไม่มีความระทึกใจอะไรเลยหนังกลับบาลานซ์ระหว่างสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้า กับงานถ่ายภาพที่เหมือนสารคดีท่องเที่ยวไม่ได้เลย มิหนำซ้ำเรายังจับสังเกตการกำกับการแสดงที่เหมือนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้พระเอกอย่างเบ็คเก็ตเป็นคนฉลาดหรือจะเป็นคนธรรมดา เพราะบางทีเขาก็ตัดสินใจทำอะไรให้เรากุมขมับอยู่บ่อย ๆ แต่บทจะเป็นฮีโรหนังก็เล่นซะแทบจะกลายเป็นซูเปอร์ฮีโรโม้แหลกจนผิดฟอร์ม
แต่จุดที่รู้สึกเสียดายที่สุดกลับเป็นจุดขายของหนังตรงเรื่องการเมืองในกรีซ เพราะหนังไม่ปูพื้นเหตุการณ์การเมืองหรือปูความขัดแย้งตรงนี้มากพอ แถมเรายังได้ดูพระเอกถูกตามล่าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยมาร่วมชั่วโมงแล้วอยู่ดี ๆ หนังก็มีเหตุการณ์ที่ลูกชายนักการเมืองถูกลักพาตัวและนำไปสู่ฉากการประท้วงท้ายเรื่อง ซึ่งสิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือหนังไม่อาจเชื่อมโยงชะตากรรมของพระเอกกับเหตุการณ์การเมืองของกรีซในหนังให้แนบเนียนได้เลย
ซึ่งจากปมของหนังที่ดูกระจัดกระจายนี้เองที่ทำให้เห็นว่า เฟอร์ดินานโด ซิโต ฟิโลมาริโน (Ferdinando Cito Filomarino) ยังคุมทิศทางของหนังไม่อยู่มือนัก ว่าจะให้มันเป็นโรแมนติกทริลเลอร์ แอ็กชันทริลเลอร์ หรือไปถึงงานดราม่าทริลเลอร์อิงการเมือง ที่มีหนังดี ๆ ให้เป็นต้นแบบมากมายโดยเฉพาะ ‘The Manchurian Candidate’ หนังทริลเลอร์ที่เล่นกับทฤษฎีสมคบคิดได้อย่างชาญฉลาดจนเป็นตำนาน จะเหลือความดีของหนังก็เพียงแค่งานถ่ายภาพนี่แหละครับที่ต้องยอมรับว่าหนังถ่ายกรีซออกมาได้สวยงามจนอยากแพ็กกระเป๋าไปเที่ยวจริง ๆ
และที่น่าเสียดายมากคือการปรากฎตัวของนักแสดงมากฝีมือทั้งจอห์น เดวิด วอชิงตันเองที่เล่นสุดฝีมือมากแต่เหมือนถูกหนัง “แกง” ให้ทำอะไรโง่ ๆ แทบทั้งเรื่องหรือจะเป็นอลิเซีย วิกันเดอร์ที่เหมือนรู้ตัวว่าได้ออสการ์ไปก็ไม่ได้ช่วยให้งานดี ๆ. เยอะขึ้น เลยจำยอมมาปรากฎตัวในบทที่แทบไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรือจะเป็น บอยด์ โฮลบรูค (Boyd Holbrook) นักแสดงนำจากซีรีส์ ‘NARCOS’ ของเน็ตฟลิกซ์เองที่ต้องมารับบทเจ้าหน้าที่สถานฑูตกับทรงผมพัง ๆ และท่าทีมีพิรุธจนน่าเสียดายในฝีมือการแสดงที่เคยฝากไว้ในผลงานเรื่องก่อน
beartai