| ชื่อเรื่อง | Snowdrop |
| เรตติ้ง | 9.0 |
| นักแสดง | Jisoo Kim,Jung Hae-In |
| จำนวนตอน | 16 ตอน |
รีวิวซีรีส์ Snowdrop
รีวิวซีรีส์ Snowdrop ซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่ Disney+ ลิขสิทธิ์มาออกฉาย ปกติแล้วซีรีส์เกาหลีมักจนออกฉายบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Viu Wetv หรือ Netflix เป็นส่วนใหญ่ สำหรับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งน้องใหม่อย่าง Disney+ ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการนำเอาซีรีส์เกาหลีมาออกฉายแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ Disney นั้นเป็นค่ายผู้ผลิตสื่อบันเทิงอยู่แล้ว พวกเขาจึงมีสื่อบันเทิงให้ออกฉายผ่านทางแพลตฟอร์มของตัวเองเป็นจำนวนมาก มันจึงแทบจะไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องไปซื้อลิขสิทธิ์สื่อบันเทิงมาฉายในช่องทางของตัวเอง แต่ด้วยความที่กระแสซีรีส์เกาหลีได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทำให้สุดท้ายพวกเขาก็ไม่อาจต้านทานกระแสได้และตัดสินใจซื้อซีรีส์เกาหลีมาออกฉายเป็นเรื่องแรกในที่สุดนั่นก็คือซีรีส์เรื่อง Snowdrop
ความน่าสนใจอย่างแรกของซีรีส์เรื่องนี้เลยก็คือเป็นการแสดงซีรีส์ครั้งแรกของนักร้องสาวชื่อดังจากวง Black Pink อย่างจีซู ด้วยความที่เธอนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยมไปทั่วทั้งโลกมันจึงส่งผลให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับการจับตามองไปด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนพระเอกก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นจองแฮอิน นักแสดงหนุ่มที่เคยฝากผลงานเป็นซีรีส์ทหารจับคนหนีทหารบน Netflix อย่างดีพีหน่วยล่างทหารหนีทัพมาก่อนยิ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากที่ออกฉายตอนแรกนอกจากกระแสจะวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับองค์ประกอบโดยรวมของซีรีส์แล้วสิ่งที่ถูกโจมตีหนักมากที่สุดของซีรีส์เรื่องนี้เห็นที่จะหนีไม่พ้นประเด็นทางการเมืองและประวัติศาสตร์เนื่องจากซีรีส์เรื่องนี้ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในปี 1987 ซึ่งประชาชนในเกาหลีขณะนั้นมีการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยจนทำให้การเมืองด้วยความดุเดือด มีการสังหารหมู่ประชาชน เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่อ่อนไหวเป็นอย่างมากสำหรับเกาหลีใต้ ประกอบกับการที่เกาหลีใต้นั้นได้รับประชาธิปไตยจากการสู้ของประชาชนอย่างแท้จริง ทำให้พวกเขาเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับประชาธิปไตยและการเล่าถึงประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก ซีรีส์เรื่องนี้กลับมีการเล่าถึงเรื่องราวดังกล่าวที่มีการบิดเบือนความจริงทำให้ถึงขั้นมีการล่ารายชื่อเพื่อยุติการนำเสนอซีรีส์เรื่องนี้เลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันซีรีส์เรื่องนี้ก็ยังคงได้ออกฉายพร้อมกับการแถลงการณ์ของทีมผู้สร้างว่าไม่ได้ต้องการที่จะบิดเบือนประเด็นทางประวัติศาสตร์แต่อย่างไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในซีรีส์นั้นเป็นเพียงแค่เรื่องราวที่สมมุติขึ้นมาเท่านั้น แต่ด้วยช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันทำให้หลายคนก็ยังคงรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง Snowdrop
Snowdrop เป็นซีรีส์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวที่อ้างอิงมาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปี 1987 เป็นช่วงเวลาที่เกาหลีใต้นั้นกำลังเคลื่อนไหวโดยประชาชนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย กลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งหนุ่มสาวต่างออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยกันอย่างคับคั่ง การเมืองเต็มไปด้วยความระส่ำระส่าย รัฐเผด็จการต่างก็พยายามชิงดีชิงเด่นกันแบบเอาเป็นเอาตายไม่สนความเป็นอยู่ของประชาชน
ในเวลาเดียวกันนั้นเองยองโร เด็กสาวที่เต็มไปด้วยความสุขและความสดใสใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยสตรีแบบทิ้งไปวันๆเพื่อเฝ้ารอความรักและชายในฝันของเธอ หลังจากที่เธอต้องเผชิญกับความเจ็บปวดในอดีตอันแสนสาหัสและมันก็ยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่
ในวันหนึ่งเธอได้พบเข้ากับชายหนุ่มหน้าตาดีที่มีชื่อว่าซูโฮ เธอตกหลุมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกันแต่เขาไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อยแถมยังทิ้งให้เธอต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอีกต่างหาก แต่ว่าในอีก 6 เดือนต่อจากนี้ชีวิตของเธอนั้นจะเปลี่ยนไปตลอดกาล ในวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังเดินทางกลับห้องพักเธอก็พบกับชายปริศนาคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนเลือดท่วมตัว หลังจากที่ได้เห็นหน้าเธอก็ต้องตกใจเพราะชายคนนั้นคือซูโฮ ชายหนุ่มที่เธอตกหลุมรักและคิดว่าตนเองลืมไปแล้ว นับตั้งแต่วันนั้นชีวิตของเธอก็เปรียบเสมือนกับโลกทั้งใบที่ถูกพายุหิมะโหมกระหน่ำ เพราะการตัดสินใจช่วยเหลือชายหนุ่มทำให้เธอถูกจับตามองเพราะสำนักงานวางแผนความมั่นคงแห่งชาติคิดว่าใช้หนูเป็นสายลับจากเกาหลีเหนือที่มีความเกี่ยวข้องกับการตายของคนในรัฐบาล ความลับของพวกเขาทั้งสองคนที่ถูกเก็บซ่อนไว้เป็นเวลานานอาจกลายมาเป็นเครื่องมือสั่นคลอนการเมืองในเกาหลีใต้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง Snowdrop
Snowdrop เป็นซีรีส์แนวดาร์กคอมเมดี้ที่ผสมผสานความโรแมนติกเข้ามาด้วย ดังนั้นตลอดการรับชมเราจึงจะได้เห็นความตลกที่ขำไม่ออกผสมผสานไปกับความรักที่จะทำให้เรารู้สึกฟิน ภายใต้การเมืองที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น มีฉากดราม่าระทึกขวัญที่ทำให้เรานั้นแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ เพลงประกอบก็ไพเราะและเข้ากับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี มีการสอดแทรกประเด็นทางการเมืองที่สามารถจับต้องได้ งานสร้างก็ทุ่มทุนไม่น้อย สามารถเนรมิตเกาหลีใต้ในช่วงเวลาเรียกร้องประชาธิปไตยออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวละครแต่ละตัวนั้นมีความน่าสนใจทั้งฝั่งที่ดีและฝั่งที่ร้าย ผลงานการแสดงครั้งแรกของจีซูถือว่าสามารถทำออกมาได้ดีและดูมีความเป็นธรรมชาติ เรื่องราวมีความเข้มข้นและหักมุมแทบจะทุกตอน
แต่อย่างไรก็ตามซีรีส์เรื่องนี้ก็ยังคงมีจุดด้อยเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นจังหวะการเล่าเรื่องที่ไม่สม่ำเสมอ พอเข้าสู่ช่วงเล่าเรื่องการเมืองบรรยากาศภายในเรื่องจะน่าเบื่อลงอย่างเห็นได้ชัด แต่พอเข้าสู่บรรยากาศของความโรแมนติกมันกลับดูเวอร์วังอลังการจนไม่สมจริง การนำเสนอไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันเนื่องจากมีความพยายามสร้างซีรีส์ที่แหวกแนวด้วยการนำเอาแนวที่ไม่เข้ากันมาผสมกันประกอบกับการตัดต่อที่ค่อนข้างแปลกประหลาดทำให้ซีรีส์ดูไปไม่สุดสักทาง เนื้อเรื่องค่อนข้างหนักหน่วงไม่ได้ขายความบันเทิงหรือความรักแบบฟินๆ แต่อย่างใด สำหรับคนที่ชอบซีรีส์แนวรักโรแมนติกหรือซีรีส์แนวเบาสมองก็อาจจะไม่ชอบซีรีส์เรื่องนี้ได้ บาคาร่า888
ตัวอย่างซีรีส์ Snowdrop
รีวิว ซีรีส์ Snowdrop บางส่วนจาก playinone
ซีรีส์ดาร์กคอเมดี้ผสมผสานความเป็นโรแมนติกคอเมดี้กับความเข้มข้นของการเมืองผ่านเนื้อเรื่องที่ไม่ค่อยติดตาม ค่อนข้างน่าเบื่อ โทนเรื่องกับจังหวะที่ไม่ค่อยลงตัวระหว่างดราม่ากับตลก เพราะเป็นแบบตลกร้ายตามสถานการณ์ โดยได้เสน่ห์การแสดงนำครั้งแรกอย่างเชิดชายของจีซูที่จะต้องโดนใจชาวบลิงค์ และแฟน ๆ ของจองแฮอิน ร่วมกับนักแสดงมากฝีมือมารวมตัวได้อย่างกลมกล่อม โปรดักชั่นทุ่มทุนอย่างหนัก แต่ต้องชะงักเพราะการนำเสนอที่ดูขัด ๆ กับประเด็นหลักของเรื่องที่เหมือนเล่าอยู่คนละเรื่อง
Snowdrop ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติก เมโลดราม่า ตลกร้าย เรื่องแรกจาก Disney+ ที่ซื้อซีรีส์เกาหลีดัง ๆ ดี ๆ มากมายมาฉายสตรีมมิ่งทั่วโลกใน Hotstar ร่วมกับ JTBC ผู้สร้างซีรีส์สะเทือนเรตติ้งเกาหลีมาแล้วอย่าง Sky Castle นำแสดงโดย จองแฮอิน นักแสดงหนุ่มผู้ฝากผลงานนำในซีรีส์ทหารจับคนหนีทหารจากเน็ตฟลิกซ์ D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ และ คิมจีซู นักร้องสาวจากวงเกิร์ลกรุ๊ปหญิงระดับโลกอย่างวง BLACKPINK ที่เคยฝากผลงานรับเชิญเล็ก ๆ ในซีรีส์ Arthdal Chronicles ในการแสดงนำครั้งแรกของเธอในบทบาทที่จะสะกดใจให้ทุกคนต้องหยุดมอง สมทบพร้อมด้วยนักแสดงมากฝีมือทั้งรุ่นใหญ่และมีฝีมือ ซีรีส์ความยาวชั่วโมงครึ่งนี้ สตรีมได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 4 ทุ่ม 10 นาทีทางดิสนีย์พลัส
เรื่องราวสมมติที่อ้างอิงจากเหตุการณ์ June Struggle ที่เกิดขึ้นจริงในปี 1987 ประเทศเกาหลีนั้นกำลังอยู่ระหว่างการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องของขบวนการประชาธิปไตยเกาหลีทั้งหนุ่มสาวและคนรุ่นใหม่ กับการเมืองที่ระส่ำระส่ายและเต็มไปด้วยการชิงดีชิงเด่นอย่างเอาเป็นเอาตายของรัฐเผด็จการ แต่ในมหาวิทยาลัยสตรีแห่งหนึ่งมีเพียงการใช้ชีวิตไปวัน ๆ และเฝ้ารอความรักของ ยองโร หญิงสาวสดใสและเปี่ยมไปด้วยพลังบวกที่เฝ้ารอวันจะได้พบกับชายในฝัน หลังอดีตอันแสนเจ็บปวดที่ตามหลอกหลอน ทำให้เธอได้พบเจอกับ ซูโฮ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้ทำให้เธอต้องตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น แต่เขานั้นกลับดูไม่สนใจเธอและทิ้งให้เธอต้องโดดเดี่ยว ทว่า หกเดือนต่อมา ชีวิตของยองโรกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อระหว่างการเดินทางกลับห้อง
เธอได้พบชายปริศนาคนหนึ่งท่าทางบาดเจ็บหนักเลือดเต็มตัว และเมื่อเธอได้เห็นหน้า เธอก็ต้องช็อค เพราะนั่นคือซูโฮ ผู้ชายที่เธอนึกว่าลืมไปได้แล้ว ตั้งแต่เวลานั้น ชีวิตของยองโรก็กำลังจะได้พบกับพายุหิมะที่โหมกระหน่ำ เพราะการตัดสินใจเพียงครั้งเดียวเพื่อช่วยเหลือซูโฮ ผู้ที่ถูกตามล่าโดยสำนักงานวางแผนความมั่นคงแห่งชาติที่คิดว่าเขานั้น เป็นสายลับจากเกาหลีเหนือที่เกี่ยวข้องกับการตายของคนในสำนักงาน ความลับที่เก็บซ่อนไว้เป็นเวลานานของยองโรและซูโฮ อาจสามารถสั่นคลอนการเมืองเกาหลีได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ด้วยความที่ซีรีส์ถูกบอกเล่าด้วยศูนย์กลางของเรื่องความสัมพันธ์ของชายหญิง และการบอกตัวเองว่าเป็นซีรีส์ ดราม่าตลกร้าย ก็เลยพอเข้าใจได้ว่า มันจะมีส่วนผสมของหลาย ๆ อย่างที่ไม่ค่อยลงตัวกันบ้าง โดยเฉพาะพาร์ทของตัวละครหลักชายหญิงที่จะเป็นแนวรักย้อนยุคสดใสน่ารักและล่องลอยราวกับเป็นความฝันผ่านตัวละครศูนย์กลางอย่างอึนยองโร แต่พอเป็นพาร์ททางการเมืองโทนเรื่องจะเป็นแนวจิกกัดสังคมคนชั้นสูงที่แก่งแย่งชิงดีที่ทำให้คนดูรู้สึกแปลก ๆ แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนเกาหลีแต่ผมก็รู้สึกว่ามันดูไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวเลยว่าต้องการจะสื่ออะไร แม้ว่าจะเป็นการอ้างอิงการเมืองเกาหลีสมัยนั้น มันก็ดูจะเป็นเรื่องละเอียดละออไปหน่อย การเล่าเรื่องที่ยาวเยียดและความยาวของตอน ตอนละ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่ยอมรับว่ามี น้ำ และความยืดที่สัมผัสได้ในการเล่าเรื่อง
โดยส่วนใหญ่ให้เวลากับสองประเด็นหลักที่ดูคิดว่าอยู่คนละเรื่อง 1. การแก่งแย่งเป็นผู้นำของประธานาธิบดีของทั้งผู้ชายในเวทีการเมืองหรือการมีคะแนนเสียงของคุณนายในเรื่อง 2. ความรักของสายลับเกาหลีกับหญิงมหาลัยที่มีการประท้วง เป็นวาทกรรมที่ดูเป็นการบิดเบือนให้โรแมนติกตลกโปกฮาผิดจากโทนของความเป็นจริง โดยการอ้างว่าผู้ที่เข้ามาทำร้ายประชาชนที่ออกมาต่อต้านเผด็จการเป็นฝีมือของสายลับที่ได้คำสั่งจากเกาหลีเหนือ ทั้งที่จริงแล้วเกาหลีเหนือไม่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายผู้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย แต่เป็นรัฐเผด็จการของเกาหลีใต้ในยุคนั้นเองที่พยายามสังหารและทรมานผู้คนที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและต่อต้านทหารเหมือนที่เห็นในบางฉากของเรื่อง
playinone