ชื่อเรื่อง | SEVERANCE |
เรตติ้ง | 8.5 |
นักแสดง | Adam Scott,Britt Lower |
จำนวนตอน | 2 ซีซั่น |
รีวิวซีรีส์ SEVERANCE
รีวิวซีรีส์ SEVERANCE ซีรีส์ที่เล่าเรื่องราววิทยาศาสตร์ไซไฟสุดเพี้ยน สำหรับคนวัยทำงานหลายคนน่าจะเคยประสบปัญหาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อก้าวเข้าสู่งสังคมการทำงาน เวลาของเราส่วนใหญ่ทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ มันทำให้เราไม่สามารถแยกชีวิตส่วนตัวกับชีวิตทำงานได้อีกต่อไป คำว่า WORK LIFE BALANCE เป็นเพียงแค่มายาคติที่สวยหรูแต่ทำไม่ได้จริง ดังนั้นมันคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียวหากมีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่ช่วยให้เราสามารถจัดการชีวิตและแบ่งเวลาได้ดียิ่งขึ้น
หากคุณสนใจเราขอแนะนำซีรีส์เรื่อง SEVERANCE ซีรีส์แนววิทยาศาสตร์ไซไฟดราม่าสุดเพี้ยนที่จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยีที่สามารถช่วยให้คุณสามารถแยกชีวิตส่วนตัวออกจากชีวิตทำงานได้แบบ 100 เปอร์เซ็น มันเป็นชิปที่มีกระบวนกานทำงานพิเศษ หลายคนเชื่อว่ามันจะช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้ แต่เราจะไม่มีวันรู้คำตอบเลยหากไม่ได้ทดลองใช้ด้วยตัวเอง
มันเป็นซีรีส์ที่มีไอเดียทั้งแปลกใหม่และแหวกแนวเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีเพียงแค่จำนวน 9 ตอน แถมผู้สร้างยังเป็นหน้าใหม่อีกต่างหาก แต่ซีรีส์เรื่องนี้กลับได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ถึงขั้นที่ตอนนี้มันกลายเป็นซีรีส์ยอดนิยมบน APPLE TV+ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเชื่อได้เลยว่าในอนาคตมันจะต้องได้รับความนิยมและกลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามต้องขอเตือนก่อนว่าด้วยความแปลกและเทคนิคการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร ในช่วงแรกของการรับชมคุณอาจจะต้องเปิดใจซักเล็กน้อย รับรองว่าหลังจากนั้นคุณจะได้รับความสนุกแบบเต็มอิ่มอย่างแน่นอน
apple tv+ พากย์ไทย
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง SEVERANCE
SEVERANCE เป็นซีรีส์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มพนักงานเงินเดือนคนหนึ่งที่สุดแสนธรรมดาทั่วไปนั่นก็คือมาร์ค เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในแผนกคัดกรองข้อมูลในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ความแปลกประหลาดเกิดจากทางบริษัทต้องการให้พนักงานทุกคนจำเป็นที่จะต้องแยกเรื่องราวระหว่างชีวิตทำงานและชีวิตส่วนตัวออกจากกัน
แม้ว่ามันจะฟังดูแปลกแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยอะไรเลยแม้แต่น้อย เขายังคงทำงานตามปกติโดยปฏิบัติตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด ทุกวันจึงดำเนินไปอย่างสงบสุขโดยไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับเพื่อนที่ทำงานของเขาอีก 2 คนที่ไม่มองว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด
บริษัทแห่งนี้ให้พนักงานของตนเองใช้นวัตกรรมที่เรียกว่าการแยกโลก เป็นการผ่าตัดใส่ชิปเข้าไปในสมอง การผ่าตัดจะเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล ไม่สามารถผ่าออกได้ จะย้อนกลับกระบวนการก็ไม่ได้ ทำให้พนักงานเหมือนมีสองคนในตัวคนเดียว
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปเมื่อมีพนักงานคนใหม่เดินทางมาถึง เธอเป็นหญิงสาวที่มีชื่อว่าเฮลลี่ ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรเธอจึงต่อต้านรูปแบบการทำงานและกฎระเบียบของบริษัทอย่างหนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงทำงานอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนแต่อย่างใด เหมือนเธอเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์ที่มากกว่าการแค่ทำงานแล้วรับเงินเดือนเหมือนกับคนอื่นๆ
เฮลลี่ตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในบริษัท และการต่อต้านของเธอก็ได้ไปกระตุกต่อมความสงสัยของมาร์คให้ตื่นขึ้น จากเดิมที่เขาไม่เคยสงสัยหรือใส่ใจเกี่ยวกับระเบียบของบริษัทเลย ตอนนี้เขาเริ่มอยากรู้แล้วว่าที่มาที่ไปมันเป็นอย่างไร และเขาก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหาคำตอบให้กับตัวเอง
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง SEVERANCE
SEVERANCE เป็นซีรีส์ที่เล่าถึงเรื่องราววิทยาสาศตร์ไซไฟสุดเพี้ยนในรูปแบบของความดราม่า มันถึงแหวกแนวไม่เหมือนใคร หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามทีมงานก็ได้เตรียมสร้างภาคต่อเป็นที่เรียบร้อยแล้วอีกด้วย จากภาคแรกจำนวนกว่า 9 ตอน ทำให้การเล่าเรื่องราวค่อนข้างอิสระและใส่อะไรเข้ามาได้เยอะแยะเต็มไปหมด มันไม่ได้อิรงตุงนังแต่กลับเต็มไปด้วยความน่าสนใจ มีปริศนามากมายที่เราอยากติดตามว่ามันคืออะไรกันแน่ เราจะได้รับรู้ว่าการแยกโลกส่งผลกระทบต่อตัวละครแต่ละตัวอย่างไรบ้าง
โลกที่ทำงานของซีรีส์ก็เล่าออกมาได้อย่างพิลึกพิลั่น รับรองว่าคุณจะต้องรู้สึกสับสนเกี่ยวกับริษัทนี้อย่างแน่นอน เราแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเลย เนื้องานก็ไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลอะไรให้พนักงานรับรู้ ทำงานอยู่ในห้องโล่งเปล่าๆ กับเพื่อนร่วมงานเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ความที่ซีรีส์ไม่ให้ข้อมูลอะไรเลยในช่วงเริ่มต้นมันเลยทำให้ผ้รับชมรู้สึกอยากรู้อยากเห้นขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
สรุปแล้วซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่มีความแปลกใหม่น่าสนใจไม่น้อย กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถนำเอาวิทยาศาสตร์ไซไฟแบบเพี้ยนๆ มาเล่าเป็นเรื่องราวแนวดราม่าได้อย่างลงตัว มีการสอดแทรกประเด็นทางจิตวิทยาเข้ามาได้กลมกล่อมแม้จะลึกลับแต่ก็น่าดึงดูด ใช้ความมินิมอลในการเล่าเรื่อง ตัวละครไม่เยอะแต่เรื่องราวล้ำลึก อย่างไรก้ตามต้องขอเตือนก่อนว่ารูปแบบการเล่าเรื่องก็แปลกประหลาดเช่นเดียวกัน เป็นการเล่าแบบสโว์เบิร์นที่ใช้เวลานานกว่าเครื่องจะจุดติด แถมยังมีการผสมผสานความอาร์ตเข้ามาทำให้ดูยากขึ้นไปอีกต่างหาก
ดังนั้นหากใครรับชมเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วชอบก็จะชอบไปเลย ส่วนใครที่ใจร้อนไม่ชอบการเล่าเรื่องแบบช้าๆ อาจจะต้องฝืนสักหน่อยจนกว่าจะถึงจุดพีค ใครที่ไปไม่ถึงก็จะรู้สึกไม่ชอบซีรีส์เรื่องนี้ไปเลยเช่นเดียวกัน