รีวิวซีรีส์ HURTS LIKE HELL

ชื่อเรื่องHURTS LIKE HELL
เรตติ้ง7.5
นักแสดงณัฏฐ์ กิจจริต
จำนวนตอน4 ตอน

รีวิวซีรีส์ HURTS LIKE HELL

รีวิวซีรีส์ HURTS LIKE HELL ซีรีส์ไทยบน NETFLIX ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ที่ผ่านมามีซีรีส์ไทยหลายต่อหลายเรื่องที่ได้รับโอกาสฉายบน NETFLIX แพลตฟอร์มที่ได้รวบรวมสื่อบันเทิงชื่อดังเอาไว้ทั่วทั้งโลกและเปิดโอกาสให้คนทั่วทั้งโลกได้รับชม แต่ที่ผ่านมาก็มีทั้งที่ทำออกมาได้ดีและทำออกมาได้ไม่ดีสักเท่าไหร่เช่นเดียวกัน มีซีรีส์ไทยหลายเรื่องที่พยายามทำให้ดูมีความอินเตอร์ขึ้นมาแต่ภาพรวมที่ออกมานั้นดูไม่ไปในทิศทางเดียวกันสักเท่าไหร่ แต่ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้เป็นซีรีส์ไทยบน NETFLIX ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้ นั่นก็คือซีรีส์เรื่อง HURTS LIKE HELL

เป็นซีรีส์ที่สามารถนำเสนอเรื่องราวที่ถ่ายทอดความเป็นไทยออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมหรือสิ่งที่ได้รับความนิยมก็ตาม เป็นซีรีส์จำนวนเพียงแค่ 4 ตอนจบจำลองเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่เกิดขึ้นในวงการมวยไทย นำเสนอในลักษณะของสารคดีประกอบกับการจำลองเหตุการณ์ โดยดัดแปลงมาจากเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจริงของคดีที่อยู่ในแวดวงมวยไทย 

ซีรี่ย์ไทย netflix 2022

นั่นก็เป็นเพราะว่าหากนึกถึงประเทศไทยถ้าไม่พูดถึงอาหารที่ได้รับความนิยมก็คงจะต้องนึกถึงกีฬาที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามอย่างเช่นมวยไทยนั่นเอง ชาวต่างชาติรู้จักกับกีฬาประเภทดังกล่าวในฐานะของกีฬาการต่อสู้และป้องกันตัวที่มีความสวยงามและมีความยากไม่แพ้ใคร แต่ที่พวกเขารู้จักก็เป็นเพียงแค่วงการมวยบนดินเท่านั้น ในประเทศไทยมีสิ่งที่เรียกว่ามวยใต้ดินหรือการแข่งขันกันเพื่อคว้าเงินรางวัลซึ่งไม่ได้ถูกกฎหมายเสียทีเดียว เป็นมุมมืดที่ซุกซ่อนอยู่ตามสังคมโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ยังไม่รวมไปถึงการแข่งขันมวยเด็กที่ถึงขั้นต้องมีการแก้กฎหมายกันเลยทีเดียว ซีรีส์เรื่องนี้จะนำเสนอกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยออกมาอย่างไรไปดูกัน เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง HURTS LIKE HELL

HURTS LIKE HELL เป็นซีรีส์จำนวน 4 ตอนจบโดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ตอนที่ 1 และตอนที่ 2 นั้นจะเล่าถึงเรื่องราวของนักมวยผู้ใหญ่เป็นเซียนมวยขาใหญ่ในสนามที่ต้องพัวพันกับเหตุการณ์การล้มมวย การล้มมวยนั้นเป็นการที่นักกีฬาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมรับสินบนเพื่อให้ตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เป็นสิ่งที่ผิดกติกาและไม่เป็นที่ยอมรับในการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นบนดินหรือใต้ดินก็ตาม ส่วนตอนที่ 3 และ 4 นั้นจะเล่าถึงเรื่องราวของนักมวยเด็กและเทนเนอร์ที่จะต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพในวงการมวยที่เต็มไปด้วยการแข่งขันระดับสูง 

แม้ว่าจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนแต่ตัวละครจะเป็นตัวละครเดิมๆ ที่ใช้ปนกันไปมาเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกันทางใดทางหนึ่ง ทุกตัวละครจะมีเบื้องหลังเป็นคนสีเทาๆ พวกเขาพยายามอย่างหนักในการขับเคลื่อนวงการมวยไทยมาจนถึงตอนนี้ถึงแม้ว่าในการแข่งขันกีฬาจะเต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนก็ตามที มีเหตุการณ์ BUTTERFLY EFFECT ที่เกิดขึ้นจากเรื่องหนึ่งจนไปกระทบอีกเรื่องหนึ่งและกลายเป็นเหตุการณ์บานปลายเกินการแก้ไขในที่สุด

ในช่วงแรกเราอาจจะได้ดูเรื่องราวการแข่งขันมวยในสนามโดยเป็นการพนันแบบเต็มๆ แต่หลังจากนั้นจะมีการเล่าเรื่องราวย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะดำเนินมาถึงจุดนี้ และเรื่องราวอีกมุมหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้เป็นการเล่าเรื่องราวที่มีมิติค่อนข้างครบถ้วนแม้ว่าจะมีการแต่งเติมเหตุการณ์จนบิดทะลุไปจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงไปบ้างก็ตาม ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง HURTS LIKE HELL

HURTS LIKE HELL เป็นการนำเอาเรื่องราวเกี่ยวกับมวยไทยที่แม้แต่คนไทยเองก็ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมาตีแผ่ให้ทุกคนได้รู้โดยทั่วกัน อย่างเช่นเรื่องราวการแข่งมวยของเด็กที่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นเด็กที่ยากจนจึงต้องมาแข่งขันกีฬาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความรุนแรงเพียงเพื่อที่ตนเองนั้นจะได้รับเงินมาประทังชีวิต ทำให้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการแข่งขันมวยไทย ปกติแล้วจะสามารถเริ่มฝึกได้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบและต่อยจริงได้เมื่อมีอายุ 6 ขวบ แต่กฎหมายจะแก้ให้สามารถต่อยจริงได้เมื่ออายุ 12 ขวบขึ้นไป

การใส่เรื่องราวการดิ้นรนชีวิตของเด็กเข้ามาทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสะเทือนใจและความดราม่า โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อมีเด็กตายในสังเวียน ในส่วนของสารคดีที่มีการเล่าเรื่องราวตัดสลับเหตุการณ์จำลองนั้นจะเป็นภาพการสัมภาษณ์สั้นๆ ของบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการมวยนับตั้งแต่ค่ายมวย เซียนมวย นักมวยชื่อดังใน นักมวยทีมชาติ แพทย์สนาม แม้กระทั่งนักมวยเด็กตัวจริงที่อยู่ในคดีเพื่อเข้ามาเสริมน้ำหนักให้เรื่องราวมีความน่าสนใจและสมจริงมากขึ้นกว่าเดิม 

สิ่งที่ทำได้ดีสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ก็คือการนำเสนอเรื่องราวโดยเฉพาะการกำกับภาพที่ทั้งแสงและสีรวมไปถึงการเคลื่อนไหวของกล้องสามารถสื่อความหมายโดยนัยออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมหลายต่อหลายฉาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นผลงานของผู้กำกับใหม่ที่แทบจะไม่เคยมีผลงานมาก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย 

สิ่งที่น่าเสียดายของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือเรื่องราวของเซียนมวยในสนามที่ภาคส่วนใหญ่นั้นจะเป็นมุมมองจากนอกสังเวียนที่ต้องดูจากไกลๆ ซึ่งปกติแล้วการถ่ายทำนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสอดแทรกเสียงการเตะต่อยมวยที่คมชัดเข้ามาได้ จึงต้องมีการใส่เสียงเทียมเข้ามาจนทำให้ดูไม่สมจริงเท่าที่ควร รวมไปถึงฉากการต่อยมวยที่ดูเหมือนจะสมจริง แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่การต่อยเสมือนจริงเท่านั้นเป็นการแสดงไม่เหมือนกับการแข่งมวยจริงแต่อย่างใด เป็นสิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบเพราะเราต้องไม่ลืมว่าแม้จะเล่าเรื่องราวดราม่าเกี่ยวกับตัวนักมวยแต่มวยก็นับว่าเป็นพระเอกสำคัญของซีรีส์เรื่องนี้เช่นเดียวกัน 

ตัวอย่างซีรีส์ HURTS LIKE HELL

รีวิว ซีรีส์ HURTS LIKE HELL บางส่วนจาก beartai

ปกติแล้วเวลาเราพูดถึงมวยไทยในปัจจุบันที่ถูกเล่าผ่านสื่อ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ ถ้าไม่เป็นการหยิบเอาแม่ไม้มวยไทยไปใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว หรือปกบ้านป้องเมือง ก็มักจะเป็นการเล่าถึงชีวิตของนักมวยไทยที่ต้องออกหมัด ฟาดแข้งเพื่อเอาตัวรอด และเป็นเครื่องมือทำมาหากินที่แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไร แค่ต้องยอมอุทิศร่างกายและจิตใจเข้าแลกเท่านั้น แต่กับ ‘Hurts Like Hell’ หรือ ‘เจ็บเจียนตาย’ ซีรีส์ Original ของ Netflix ประเทศไทย กลับเป็นลิมิเต็ดซีรีส์ 4 ตอนถ้วนที่หยิบเอาเบื้องลึกเบื้องหลัง มุมมืดและมุมสว่างของวงการมวยไทยในปัจจุบันมาแหกแผลให้เห็นกันจะ ๆ ผ่านการเล่าเรื่องแบบซีรีส์กึ่งสารคดี ที่มีทั้งเส้นเรื่องที่ได้แรงบันดาลใจจากวงการมวยไทย ประกบคู่กับเสียงสัมภาษณ์คนในวงการมวยตัวจริง ทั้งนักมวย เซียนมวย นักพากย์ นักวิจารณ์ โปรโมเตอร์ เทรนเนอร์ เจ้าของค่ายมวย แพทย์สนามมวย ฯลฯ ที่ค่อย ๆ เล่าเรื่องเบื้องหลังทุกด้านทุกมุมของวงการมวยไทย ผ่านการเล่าเรื่องแบบสารคดีไปพร้อมกัน

ส่วนตัวเนื้อเรื่องพาร์ตซีรีส์ก็จะเล่าเรื่องมุมมืดของวงการมวยไทย ผ่าน 2 เส้นเรื่องใหญ่ ๆ ที่จริง ๆ แล้วมันบรรจบอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่เล่าผ่านสายตาของตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในการแข่งขันมวย ตั้งแต่เรื่องราวของการพนันมวยใน 2 อีพีแรก ผ่านตัวละคร ‘พัด-เซียนมวย’ (ณัฏฐ์ กิจจริต) ‘คม-เซียนมวยรุ่นใหญ่’ (ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) และ ‘วิรัตน์-กรรมการเวทีมวย’ (วิทยา ปานศรีงาม) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพนันมวย เงินทอง กลโกง และอิทธิพลมืด ส่วนอีกเส้นเรื่อง จะเล่าเรื่องราวผ่านชีวิตของนักมวยไทย ผ่านเรื่องราวของนักมวยเด็ก ที่ต้องต่อยมวยเพื่อหาเลี้ยงชีพ เผชิญกับความโหดร้ายของวงการเวทีมวยเด็ก เพื่อหาทางดิ้นรนไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าเดิม ผ่านเรื่องราวของ ‘วิเชียร-นักมวยเด็ก’ (ภูริภัทร พูลสุข) ‘ครูต้อย-ครูมวย/เจ้าของค่ายมวย’ (นพชัย ชัยนาม) ผู้ฝึกสอนมวยให้วิเชียร และพ่อนักมวยเด็กอย่าง ‘กฤษ’ (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) ผู้ต้องการสนับสนุนลูกเข้าสู่วงการมวย

แน่นอนว่าหลายคนเห็นว่าเป็นซีรีส์ที่ว่าด้วยเรื่องของวงการมวยไทย ถ้าไม่เคยดูการแข่งขัน ไม่รู้กติกา ไม่เข้าใจบรรยากาศมาก่อนจะดูรู้เรื่องไหม อันนี้ก็ต้องบอกว่า ส่วนตัวผู้เขียนเองที่ห่างไกลจากวงการนี้ แถมยังโง่เรื่องการพนันแบบสุด ๆ ก็ต้องบอกว่าค่อนไปทางรู้เรื่องมากกว่าไม่รู้เรื่องนะครับ เพราะว่าตัวพาร์ตเนื้อเรื่องหลังจากแนะนำภูมิหลังและนิสัยของตัวละครแล้ว ตัวซีรีส์เองก็พุ่งตรงเข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ Pace ของเรื่องที่ถือว่าแรงมาก คู่ขนานไปกับพาร์ตสัมภาษณ์ ที่คอยจูงมืออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องแบบชนิดช็อตต่อช็อต ก็เลยทำให้ตัวเนื้อเรื่องเดินเร็วแบบไม่ต้องเดินมวยให้เสียเวลา ส่วนใน 2 อีพีหลังที่ว่าด้วยวงการมวยเด็ก ตัวเนื้อเรื่องค่อย ๆ ผ่อนความแรงลงมาจาก 2 อีพีแรกพอสมควร แต่ก็ยังถือว่าเป็นการเล่าที่ไม่เยิ่นเย้ออยู่ดี เพียงแต่เริ่มมี Pace ที่เบาลงกว่าเดิม ทิ้งจังหวะว่างมากขึ้น ใส่บทสัมภาษณ์น้อยลง จนเผลอคิดไปนิด ๆ ว่า หรือซีรีส์จะจบแบบดี ๆ แบบ “มวยไทย มรดกไทย มรดกโลก เย้!…” อะไรแบบนั้นละมั้ง

beartai

รีวิวหนัง/ซีรีส์

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *