ชื่อเรื่อง | ANNARASUMANARA |
เรตติ้ง | 7.5 |
นักแสดง | Ji Chang-Wook,Lisa Yamada |
จำนวนตอน | 10 ตอน |
รีวิวซีรีส์ ANNARASUMANARA
รีวิวซีรีส์ ANNARASUMANARA ซีรีส์แนว MUSICAL ที่เหมือนกับร่ายมนต์ใส่ผู้รับชม ปกติแล้วเรื่องราวสุดแฟนตาซีมักถูกฉาบเคลือบเอาไว้ด้วยความสวยงามสดใสเหมือนกับเป็นเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วความแฟนตาซีไม่ได้บ่งบอกถึงความสวยงามสดใสเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น แต่มันสามารถเล่าถึงปัญหาและประเด็นที่ลึกซึ้งกว่านั้นได้อีกด้วย อย่างเช่นซีรีส์ที่เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองรับชมกันในวันนี้เป็นซีรีส์แนวแฟนตาซีที่ฉาบเคลือบเอาไว้ด้วยความสวยงามสดใสพร้อมกับบทเพลงที่สุดแสนจะไพเราะแบบ MUSICAL แต่แฝงไปด้วยประเด็นสุดเข้มข้นที่ร่ายมนต์ใส่ผู้รับชมอย่างเราให้ไม่สามารถลุกออกจากหน้าจอได้ นั่นก็คือซีรีส์เรื่อง ANNARASUMANARA
มันเป็น LIMITED SERIES NETFLIX จากทางเกาหลีใต้ มีทั้งหมดเพียงแค่ 6 ตอนจบเท่านั้น เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนักมายากลคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสวนสนุกร้างที่ปิดให้บริการมายาวนานแล้ว เขามีความสามารถในการเสกให้ปัญหาของบรรดาหนุ่มสาวหายไปในพริบตา
ด้วยชื่อเรื่อง ภาพหน้าปก หรือแม้แต่บรรยากาศ ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าจะมาในรูปแบบของความสนุกสนานสุดแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วซีรีส์เรื่องนี้มีการสอดแทรกประเด็นที่ค่อนข้างเข้มข้นไม่น้อยเลยทีเดียว ออกแนวดราม่าด้วยซ้ำไปผสมผสานกับความ COMING-OF-AGE ของวัยรุ่นที่กำลังจะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ แนวคิดของซีรีส์เรื่องนี้มีความคล้ายคลึงกับการ์ตูนเรื่องปีเตอร์แพนไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะตัวละครนักมายากลที่เป็นผู้ใหญ่อยากเป็นเด็กไปตลอดกาลในขณะที่เด็กน้อยก็อยากจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่
หลายคนน่าจะคุ้นชื่อซีรีส์เรื่องนี้ไม่น้อยเพราะครั้งหนึ่งมันเคยเป็นการ์ตูนระดับตำนานจากเว็บตูน แพลตฟอร์มการ์ตูนจากเกาหลีที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีการหยิบยกนำเอาการ์ตูนในแพลตฟอร์มดังกล่าวมาสร้างเป็นฉบับคนแสดงแล้วหลายต่อหลายเรื่องและประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนมาเมื่อ 10 ปีที่แล้วเลยทีเดียว สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านมาก่อนเราขอแนะนำให้ลองไปอ่านได้ ในส่วนของซีรีส์ได้มีการดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันมากขึ้นกว่าเดิม
ซีรีย์เวทย์มนต์ netflix
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง ANNARASUMANARA
ANNARASUMANARA เป็นซีรีส์ที่เล่าถึงเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่าอาอี เธอต้องเผชิญกับชีวิตที่ยากลำบากมาตลอดนับตั้งแต่ลืมตาดูโลก แทบจะไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่าสมหวังเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้เธอจึงยอมทุ่มเททุกอย่างลงไปกับการเรียนและไม่เชื่อในสิ่งอื่นเลยแม้แต่น้อยอีกต่อไป จนกระทั่งเธอได้พบกับนักมายากลหนุ่มปริศนาคนหนึ่งที่มีชื่อรีอึล เขาอาศัยอยู่ในสวนสนุกร้างแห่งหนึ่งที่ปิดให้บริการมานาน แถมเขายังกล่าวอ้างอีกด้วยว่าตนเองเป็นผู้ใช้เวทมนตร์
ในตอนแรกเด็กสาวไม่เชื่อแต่อย่างใดด้วยเหตุนี้เขาจึงทำการร่ายเวทมนต์ให้เธอได้เห็นกับตา เพราะเขาต้องการให้เธอกลับมาเชื่อเกี่ยวกับเวทมนต์อีกครั้ง แต่สำหรับในสายตาเด็กสาวแล้วชายหนุ่มผู้นี้ก็เปรียบเสมือนกับลุงคนนึงที่ดูเพี้ยนๆ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปในสายตาเธอ เขากลายเป็นผู้วิเศษที่สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ชีวิตของเธอเริ่มเต็มไปด้วยสีสันมากขึ้นกว่าเดิมและมีอะไรให้ทำมากกว่าการเรียนเพียงแค่อย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตามบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ สุดท้ายแล้วเรื่องราวของเธอจะลงเอยอย่างไรต้องไปติดตามรับชมกันต่อในซีรีส์
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง ANNARASUMANARA
ANNARASUMANARA เป็นซีรีส์ที่เรียกได้ว่าเหมือนกับร่ายเวทย์มนต์ให้ผู้รับชมดูไปพร้อมกับตัวละครเด็กสาวด้วย มันเต็มไปด้วยความสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ ประกอบกับการนำเสนอในรูปแบบของละครเพลงยิ่งเต็มไปด้วยสีสันและมิติที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมไปอีก เป็นการนำเสนอแบบที่ไม่มีในเว็บตูนซึ่งเป็นต้นฉบับของเรื่องราวทั้งหมดแต่อย่างใด เป็นไอเดียจากทางผู้กำกับที่สามารถผสมผสานเข้ามากับเรื่องราวได้อย่างกลมกลืนและลงตัว เพลงแต่ละเพลงนอกจากจะมีความไพเราะแล้วยังมีความหมายที่ช่วยบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเรื่องราวได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของประเด็นหลักที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นอย่างการเติบโตจากวัยรุ่นไปเป็นผู้ใหญ่ก็สามารถใส่เข้ามาได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่ผู้ใหญ่ทำร้ายเด็กทั้งทางตรงหรือทางอ้อม พ่อแม่รังแกฉัน การเลี้ยงลูกด้วยเงิน การทิ้งภาระไว้ให้ลูกต้องเป็นคนรับผิดชอบ การกดดันให้ลูกต้องเผชิญกับเส้นทางชีวิตที่ตัวเองไม่ได้เลือก สังคมที่ตีกรอบให้เด็กเชื่อในสิ่งที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องเชื่อก็ได้
เป็นซีรีส์เกาหลีอีกหนึ่งเรื่องที่สามารถทำออกมาได้อย่างดีงามจนแทบจะไร้ที่ติ ไม่ได้มาในรูปแบบของสูตรสำเร็จแนวโรแมนติกคอมเมดี้หรือแนวโรแมนติกดราม่าแย่งแฟนกัน แต่ก็ไม่ทิ้งกลิ่นอายของความเป็นเกาหลีใต้ไปแต่อย่างใด การใช้เพลงบอกเล่าเรื่องราวช่วยให้เราเข้าถึงอารมณ์ของเรื่องได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ผสมผสานประเด็นที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและสมจริงเข้ามาได้อย่างลงตัว ช่วยให้เราเกิดคำถามระหว่างการรับชมและหาคำตอบไปพร้อมกับตัวละคร